1. บริหารจัดการได้จากศูนย์กลางผ่าน Wireless Controller หรือเทคโนโลยีอื่นๆ
Wireless Controller ได้กลายเป็นหัวใจหลักของระบบ Enterprise Wi-Fi มาต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 10 ปี ด้วยความสามารถในการบริหารจัดการ Wireless Access Point ทั้งหมด, การกำหนดการยืนยันตัวตน, การกำหนดนโยบายความปลอดภัย, การติดตามการทำงานของระบบ Wi-Fi และอื่นๆ จนปัจจุบันระบบ Wireless Controller ได้ถูกต่อยอดมานำเสนอในรูปแบบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการนำ Wireless Access Point มาทำหน้าที่แทน Wireless Controller (ตัวอย่างเช่น Aruba Instant) หรือมีระบบ Cloud Controller (ตัวอย่างเช่น Aruba Central) ทำให้สามารถรองรับรูปแบบของธุรกิจได้อย่างหลากหลายยิ่งขึ้น
Wireless Controller กลายเป็นศูนย์รวมของทุกอย่างของระบบ Wi-Fi ระดับองค์กร โดยรองรับการควบคุม Wireless Access Point ตั้งแต่ต่ำกว่า 10 เครื่องไปจนถึงหลายหมื่นเครื่อง และทำการติดตามการทำงานและบริหารจัดการการตั้งค่าการกระจายคลื่นสัญญาณ, การยืนยันตัวตน, ความปลอดภัย และอื่นๆ อีกมากมายได้จากศูนย์กลาง ทำให้การดูแลรักษาระบบ Wi-Fi สำหรับ Access Point จำนวนมากเป็นไปได้อย่างมีระบบ
2. สามารถใช้งานในระบบเครือข่ายระดับองค์กรได้
ด้วยการรองรับทั้งการทำ VLAN และการกำหนด QoS ได้ ก็ทำให้สามารถทำงานร่วมกับระบบ Switch ที่มีอยู่ได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ Enterprise Wi-Fi ยังมีความสามารถในการทำ Authentication, Authorization และ Accounting อย่างครบถ้วน ทำให้สามารถตอบโจทย์ทางด้านการยืนยันตัวตนตามข้อกำหนดของกฎหมายได้ อีกทั้งยังรองรับการสร้าง SSID สำหรับ Guest โดยเฉพาะได้อีกด้วย
ในของการติดตั้ง Access Point ระดับ Enterprise ก็มักจะรองรับการจ่ายไฟแบบ Power over Ehternt (PoE) ทำให้สามารถประหยัดการเดินสายได้ ด้วยการจ่ายไฟผ่านสาย LAN ไปยัง Access Point ได้เลย
3. มีความสามารถในการรักษาความปลอดภัยระบบเครือข่าย
Enterprise Wi-Fi ส่วนใหญ่จะสามารถทำการควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงและใช้งานระบบเครือข่าย สำหรับผู้ใช้งานแต่ละคนให้แตกต่างกันได้ รวมถึงยังสามารถทำการเข้ารหัส Traffic ของผู้ใช้งานทำให้ไม่สามารถถูกดักฟังได้ อีกทั้งยังมีระบบสำหรับตรวจจับและยับยั้งการโจมตีระบบเครือข่ายไร้สาย ทำให้มีความปลอดภัยครอบคลุมสำหรับการปกป้องระบบเครือข่ายขององค์กร
4. มีความเสถียรในการใช้งานต่อเนื่องได้เป็นระยะเวลานาน
ด้วยการออกแบบให้ Access Point สามารถเปิดใช้งานต่อเนื่องได้เป็นระยะเวลานานโดยไม่ต้องทำการ Restart และผู้ใช้งานสามารถทำการ Roaming ข้าม Wireless Access Point ได้โดยสัญญาณไม่ขาด ทำให้การนำ Enterprise Wi-Fi ไปใช้งานสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งในแง่ของความเสถียรและความคล่องตัวในการทำงาน
5. รองรับการใช้งานได้หลากหลายสถานการณ์
Access Point ระดับองค์กรส่วนใหญ่จะถูกออกแบบมาให้สามารถรองรับผู้ใช้งานที่ทำการเชื่อมต่อพร้อมๆ กันได้ตั้งแต่ 25 – 50 คนหรือมากกว่าได้ตามแต่อุปกรณ์ และมีผลการทดสอบให้นำไปอ้างอิงได้ จึงสามารถนำไปใช้ออกแบบระบบ Wi-Fi สำหรับห้องประชุมได้ อีกทั้งยังมีรุ่นที่เป็นทั้ง Indoor, Outdoor หรือเปลี่ยน Antenna ได้ ทำให้รองรับการนำไปใช้งานในหลากหลายสถานที่
นอกจากนี้ Enterprise Wi-Fi ส่วนใหญ่ยังรองรับการทำ Point-to-Point หรือ Mesh เพื่อให้การออกแบบระบบ Wi-Fi มีความยืดหยุ่นสูงสุดอีกด้วย
6. ต่อยอดได้ด้วยระบบ Wi-Fi Analytics
ด้วยความสามารถในการติดตาม Location และการแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่าน API บน Wireless Controller ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ เพื่อสร้างระบบ Wi-Fi Analytics เช่นระบบ Loyalty Program สำหรับร้านค้าแบรนด์ หรือระบบติดตามพฤติกรรมลูกค้า เพื่อให้แบรนด์ต่างๆ สามารถนำเสนอสินค้าและบริการต่าง ได้อย่างถูกต้อง
ทั้งหมดนี้คือความสามารถพื้นฐานที่ระบบ Wi-Fi ระดับองค์กรสามารถทำได้ จะเห็นได้ว่าแทบทุกความสามารถนั้นออกมาเพื่อตอบรับความต้องการสำหรับองค์กรจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นความทนทาน, ความปลอดภัย, การติดตั้ง, การบริหารจัดการ และการรองรับ Access Point จำนวนมากได้ภายในระบบเดียว